ต้นทุนของนิตยสาร

เดินผ่านแผงหนังสือผมสังเกตเห็นหน้าปกนิตยสารหลายฉบับมีสินค้าและผลิตภัณฑ์เวียนกันขึ้นปก บางเล่มพอไปกันได้ไม่น่าเกลียด แต่ปกบางเล่มน่าจะเรียกว่าโปสเตอร์โฆษณาเสียมากกว่า หากเปิดเข้าไปในเล่มยังมีข้อความบรรยายความดีเลิศของผลิตภัณฑ์นั้นอีก นิตยสารที่เป็นที่นิยมจำนวนหน้าครึ่งหนึ่งต้องเสียให้กับโฆษณา ผมถามตัวเองว่าต้องซื้อโฆษณามานั่งอ่านด้วยเหรอ?

แน่นอนว่าคนลงทุนต้องการให้ขายโฆษณาได้เยอะๆ เพื่อเป็นทุนในการผลิต ส่วนบรรณาธิการต้องการส่งสารไปให้ถึงผู้อ่านอย่างที่ตัวเองต้องการ

แต่หากมีผลกำไรและรายได้เข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะทำให้ตัวนิตยสารมันบิดมันเพี้ยนไป หากพูด(เขียน) โจมตีสินค้าที่ลงโฆษณา ก็ต้องถูกตัดทอนแน่นอน ซึ่งบางครั้งการกระทำเยี่ยงนั้นอาจเป็นการทรยศต่อผู้อ่าน

การโฆษณาที่เป็นแบบผสมหรือที่เราเรียกว่าโฆษณาแฝง หรือ แอดเวอร์ฯ (advertorial) ที่จริงแล้วมีอยู่เกือบทุกวงการ ทั้งสื่อโทรทัศน์ ภาพยนตร์ ผมในฐานะผู้อ่านและผู้ชมก็พอยอมรับได้กับการแฝงโฆษณา หากไม่บดบังความเป็นเนื้อแท้ของสิ่งที่นำเสนอนั้น หรือไม่ดูว่าเป็นการขายตรงเกินไปนัก

แต่สำหรับนิตยสารซึ่งถือว่ามีการโฆษณาประเภทนี้อยู่มากที่สุดและมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้อิงผลกำไรจากยอดขายมันจะทำให้เกิดผลเสียตามมากมากมาย

นอกจากผลข้างต้นแล้ว เรื่องคุณภาพของคนทำนิตยสารเอง งานที่ออกมาหากขาย(โฆษณา)ได้แต่ไร้คุณภาพก็ถือว่าประสบผลสำเร็จ แล้วคนคุณภาพในวงการนิตยสารก็จะค่อยๆหายไป ในเมื่อเราใช้เม็ดเงินเป็นตัววัดคุณภาพของนิตยสาร

แน่นอนว่าส่วนหนึ่งที่คนทำนิตยสารต้องการคือผลกำไรไม่ว่าจะจากผู้ซื้อหรือโฆษณา หากแต่จุดเริ่มต้นนั้นต่างกัน

เริ่มจากคุณภาพของงาน พิสูจน์ว่ามีผู้อ่านอย่างเหนียวแน่น เพื่อหวังกำไรจากยอดผู้อ่าน

กับเริ่มจากการขายโฆษณาโดยใช้เครดิตของเอเจนซี่และเซลล์ แน่นอนว่าหนังสือประเภทนี้จะมีหน้าโฆษณาอยู่มากกว่าครึ่ง

ตัวอย่างเช่นนิตยสาร a day เป็นนิตยสารที่เริ่มจากคุณภาพของงานและทำให้เป็นความสำเร็จทางธุรกิจได้ สังเกตได้ว่าเล่มแรกๆ แทบจะไม่มีโฆษณาในหน้ากระดาษ ยุคต่อมาเริ่มมีมากขึ้น ต่อมาเริ่มลามเข้าไปในเนื้อหา แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร?

นิตยสารหลายเล่มก็คล้ายๆ กับ a day ในยุคหลังๆ แต่ด้วยคุณภาพที่ไม่ถึงขั้น คือเริ่มจากการให้ขายโฆษณาด้วยเครดิตเพื่อให้ได้เงินมา ก่อนที่จะคำนึงถึงคุณภาพ ถ้าหากวันหนึ่งที่ทุนไม่นิยมมากเหมือนทุกวันนี้ นิตยสารหัวใหม่ที่ผุดขึ้นเต็มแผงคงมีคราวต้องผลุบลงรูไปอย่างแน่นอน

a day ก็ a day เหอะ! (นี่ไม่ได้แช่งนะ)

เรียบเรียงจากบทความ 'ต้นทุนของนิตยสาร' ในสเปซเขียนเมื่อ กุมภาพันธ์ 2549

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
ตอนนี้ไม่มีนิตยสารที่อ่านประจำเลยค่ะ
เบื่อโฆษณาทั้งแฝงและไม่แฝง
wichstandup กล่าวว่า
"ขอแนะนำนิตยสาร way ให้คุณ grappa ลองอ่านครับ น่าจะเป็นเล่มที่ทำให้อ่านประจำซื้อประจำได้

เล่มเดือนมกราคมปกเหลืองๆ พระเอกหนึ่งเดียวในสนช. สมบัติ เมทะนี ยืนเบ่งกล้ามอยู่น่ะครับ

ชอบไม่ชอบยังไงอย่าลืมบอกกันบ้างนะครับ"
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
สวัสดีพี่วิท(นี่ฝ้ายเองน่อ) หลงๆเข้ามาค่ะ..

way..จะบอกว่าชอบมาก ตอนนั้นอ่านครั้งแรกที่แผงเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว(ปกเป็นเรื่องจักรยาน) ..ซื้อเลย 555... แล้วก็ไปเจอนักเขียนที่เราชอบเค้าก็เขียนลงด้วย(คุณโตมร ศุขปรีชาน่ะ)

...เราชอบเนื้อหาในเล่มนะ แต่ส่วนตัวเราคิดว่า เรื่องที่เค้าจะเน้นอ่ะ(อย่างของเล่มที่เราซื้อคือเล่มจักรยาน ที่ซื้อตอนนั้นเหมือนคิดว่ามันจะมีเรื่องจักรยานเยอะๆเพราะอยากรู้) แต่พออ่านเข้าจริงๆเหมือนมันน้อยกว่า+ลึกน้อยกว่า ที่เราคาดหวังไว้อ่ะ(หรือหวังไว้สูงไปป่าวไม่รู้นะ)...

..แต่เล่มอื่นๆไม่ได้ซื้อนะพี่ มีแต่ไปโฉบๆอ่าน (พอดีมีนโยบายว่าจะซื้อแต่ละเดือนให้ไม่ซ้ำกันน่ะ-*-)
wichstandup กล่าวว่า
"ไม่รู้ว่าจะเป็นการออกนอกหน้าเกินไปหรือเปล่าที่จะมาพูดนี่

ฝ้ายหวังว่าจะได้อ่านอะไรที่เกี่ยวกับจักรยานลึกและกว้างกว่านี้ ถ้าเป็นเรื่องราวตั้งแต่ประวัติความเป็นมาจนถึงปัจจุบันเลยไปถึงอนาคตของจักรยาน ซึ่งน่าจะเป็นเนื้อหาที่ถูกใจฝ้าย

แต่แนวทางของ way นั้น จะเป็นสารที่สื่อมาในเชิงสังคมมากกว่าเรื่องของสารคดีความรู้

ฝ้ายลองซื้ออ่านอีกสักฉบับสองฉบับน่าจะเห็นแนวทางของ way มากขึ้นนะ"
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
สวัสดีค่ะ.. อืม พอดีเคยอ่านงานที่คุรเขียนที่ไดอารี่คลับนะ แล้วคุณมาแวะตอบคอมเมนท์ แปะ blog เอาไว้ เราเลยตามมา.. รู้สึกว่า แนวความคิดคุณคล้ายๆ เรา เรื่องการทำนิตยสาร อืม เราเคยหลงรัก A Day ยุกแรกเริ่ม คือเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์ว่า เออ.. ใช่ๆๆๆ แบบนี้ล่ะที่อยากได้ และเวลาก็ผ่านไป A Day เป็นที่รู้สึกในวงกว้างมากกขึ้น และเราก็ห่างจากการอ่าน A Day ไปเลยค่ะ .. และ ก็เห็นอีกเล่ม "สารกระตุ้น" อันนี้มีหลายส่วนน่าสนใจอยู่ แต่ Way ที่คุณแนะนำ เรายังไม่เคยอ่าน หาได้ทั่วไปรึป่าว อยากอ่านค่ะ อ้อ... คุณเคยอ่าน Harm Magazine มั้ย? เรากำลังอยากอ่านอีกเช่นกัน :)
wichstandup กล่าวว่า
"สวัสดีครับ ยินดีมากครับที่ได้คุยกัน อุตส่าห์ตามมาถึงบล็อก คุณphoebe*มีที่อื่นที่เขียนนอกจาก diaryclub หรือเปล่าครับ เพราะบางทีมันก็เข้าไม่ได้ เผื่อว่าผมจะได้เข้าไปอ่านและได้คุยกันบ้าง มาพูดกันเรื่องนิตยสารกันต่อละกัน

a day ผมก็ห่างไปเลย สาเหตุหนึ่งเพราะว่า a day คงเปลี่ยนไปจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะอีกสาเหตุหนึ่งที่เราแก่ขึ้นหรือเปล่า? ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ a day ไม่ดึงดูดเราเหมือนแต่ก่อน ยังหาสาเหตุได้ไม่แน่ชัด

สารกระตุ้น ในความคิดเห็นส่วนตัว เราคิดว่าเป็นนิตยสารที่ไม่ได้ทำเพื่อคนทำงานด้านศิลปะอย่างใจจริงเหมือนที่ freefrom เป็น สารกระตุ้นจะเน้นการขายโฆษณามากว่า แต่เราก็ชอบชอบชื่อ ชอบตรงที่เป็นเวทีที่น่าจะอยู่ได้นานกว่าที่อื่นๆ แต่ก็เช่นกันมันก็ยากที่ใครจะมายืนถ้าไม่มีชื่อเสียงจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคือขายไม่ได้ เข้าใจดีว่านิตยสารแต่ละเล่มมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน ถ้าเราเลือกนิตยสารด้านศิลปะและความคิดสร้างสรรค์เราขอเลือก freefrom ละกัน

way หาได้ทั่วไปครับ แต่มีเพื่อนบางคนบ่นว่าหายาก คล้ายๆ กับ BIOSCOPE ที่หายากเช่นกัน บางทีก็โดนแอบโดนบัง ยากที่คนซึ่งไม่รู้จักจะเจอและซื้อโดยบังเอิญ ขนาดว่าตั้งใจมาซื้อยังหาแทบไม่เจอจนนึกว่าแผงนี้ไม่มี ถ้ายังไงคุณphoebe*ลองกลับไปหาที่แผงแถวบ้านก่อน way เพราะว่าอาจจะโดนเล่มอื่นบดบังสายตาไว้ไม่ให้เห็น way ก็ได้

harmagazine เคยซื้อเล่มแรกมาอ่านครับ เรียกว่าดิบเถื่อนอยู่เหมือนกัน เค้าจะเน้นรูปมากกว่าเนื้อหา แต่ก็เข้าใจคิดเขียนดีเหมือนกัน ตอนซื้อคิดว่าคงเป็นนิตยสารที่เสมือนเป็นเวทีแสดงงานศิลปะให้กับศิลปินที่ไม่ค่อยมีโอกาสแสดงงาน แต่ทีมงานออกตัวว่าไม่ใช่ศิลปะหรืออะไรทั้งนั้นเหมือนเป็นความharmที่จะทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา ก็ดีครับคิดแปลกดี แต่พอเจอเล่มสองอาร์ทในเล่มยังคล้ายๆ เดิม ที่เปลี่ยนไปมีแต่รูปharm ซึ่งผมก็ตัดสินใจ(เอาเอง)ว่า คงไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเท่าไรจะแสดงแต่ความharmกันอย่างเดียวก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเท่าไร แต่มันก็เข้ากับชื่อและคอนเซ็ปต์ของนิตยสารของเขาดี คนที่มีรสนิยมอย่างเดียวกับharmก็คงติดใจแน่นอน แต่ผมไม่ครับ

ไว้คุยกันอีกนะครับ"
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
พี่วิชคะ
อาจจะเจอกันนะคะพี่
เดี๋ยวจะเดินหาค่ะ
ขอบคุณมากๆ
สำหรับข่าวดีดีแบบนี้
ดึกสงัด
อาจจะไม่ฝัน แต่ตื่นก็เป็นวันดีดี
แล้วกันค่ะ

a day ก็ a day นะพี่!!
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
มีคนเขียนถึงหนังสือผมด้วย
ขอบคุณมากมายเลยนะครับ
พูดถึงรสนิยมเสียด้วย
คือผมอยากทราบสักหน่อยว่า
รสนิยมที่คุณพูดถึงหนังสือของผมนะ
มันเป็นยังไงในความคิดของคุณครับแค่อยากจะ
ทราบ

Populars