ถึงเวลาเปลี่ยนแปลง


มันต้องมีบ้างแหละที่รู้สึกเบื่อ เบื่ออะไรก็ไม่รู้บอกไม่ถูกเหมือนกัน อาการเบื่อมันเป็นอย่างนั้น ถึงจะลองเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้ว แต่มันก็ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น แล้วจะทำอะไร?

ไม่อยากนอนเพราะเพิ่งจะตื่น ไม่อยากคิดและเขียนเพราะอยากพักสมองบ้าง ไม่อยากเล่นเกมส์เพราะเสียเวลาไปเปล่าๆ ไม่อยากออกไปข้างนอก ไม่อยากดูโทรทัศน์ ไม่อยากนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ ไม่อยาก ฯลฯ

ทั้งหมดนั้นลองมาหมดแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าน่าจะมีอะไรทำที่ดีกว่านั้น ถ้าอย่างนั้นลองทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำก่อน เริ่มจากเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ ซักผ้า จัดห้องให้ดูเป็นระเบียบเพื่อสร้างบรรยากาศของการเขียนด้วยปากกาและกระดาษดูบ้าง เดินไปซื้อหลอดไฟที่หน้าปากซอยมาเปลี่ยนหลอดที่เสีย เริ่มเกิดความรู้สึกดีๆ ขึ้นบ้างที่รู้ว่าตอนนี้อยากนั่งพัก

เริ่มมีความอยากเขียนขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจริงๆ ผมเบื่ออะไรกันแน่?

ผมคิดว่าจริงๆ แล้วผมอาจจะเบื่อตัวเองก็ได้ เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วที่ผมคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ชีวิตดีขึ้นไม่ว่าด้านการงานทั้งของบริษัทและงานส่วนตัวที่มีความตั้งใจจะทำให้สำเร็จ ด้านสุขภาพที่ตั้งใจจะออกกำลังกายทุกวันอย่างสม่ำเสมอและต้องกินอาหารเช้าทุกวัน ผลเปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือทันที ตื่นแต่เช้าออกไปวิ่ง กลับเข้ามากินข้าว ออกไปทำงาน กลับมานอนไม่เกินเที่ยงคืน

ทำอย่างนี้อยู่ได้ไม่กี่วัน มันก็ค่อยๆ กลับไปสู่พฤติกรรมเดิม เรื่องการงานของบริษัทยังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไรนัก สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืองานส่วนตัวที่มีโครงการมากมายแต่ยังไม่เริ่มลงมืออย่างเป็นชิ้นเป็นอันเสียที ทำโน้นนิดนี่หน่อยจึงไม่ปะติดปะต่อทำให้งานล่าช้า เรื่องสุขภาพยังนอนดึกอยู่เหมือนเดิม ถึงเวลาตื่นจึงตื่นสาย ตื่นแล้วยังนอนต่อจึงต้องอดอาหารเช้าไปทำงาน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้อาจจะมีผลเสียต่องานที่บริษัทได้ในภายภาคหน้า

อาการที่ผมเบื่อมันคงเป็นจุดอิ่มตัวของการให้อภัยตัวเอง เอือมระอากับตัวเองเต็มทีแล้ว แต่นี่เพราะว่าเป็นตัวเองจึงไม่หลุดปากสบถเป็นคำด่า ไม่ไหวอีกแล้วถึงเวลาที่ผมต้องเปลี่ยนแปลง

จึงเป็นที่มาในการของทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก่อน แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ คงต้องลองดูกันไป

สิ่งเล็กๆ ที่ผมเปลี่ยนคือ ที่วางกระเป๋าสตางค์และของในแต่ละวันที่ได้มา เช่น ใบปลิวหรือจดหมาย เอามาวงไว้บนโต๊ะคอมพิวเตอร์แทน เพื่อมันจะทำให้โต๊ะเขียนหนังสือไม่รก ทำให้น่านั่งเขียนมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไม่ได้เขียนงานด้วยปากกาและกระดาษ ต่อไปนี้ก็คงต้องเขียนด้วยอุปกรณ์พื้นฐานทั้งสองนี้ ถ้าอย่างนั้นแล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องเปิดคอมพิวเตอร์และนั่งอยู่ข้างหน้ามันจนตีสองตีสาม ผมก็จะไม่นอนดึก เมื่อไม่นอนดึกผมก็จะไม่...ฯลฯ และมันก็จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่

จากสิ่งเล็กๆ ที่ผมเปลี่ยนจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้หรือไม่นั้นมันขึ้นกับใจผมและผมก็คิดว่ามันน่าจะมาจากการกระทำที่เคยชินอีกอย่างหนึ่งด้วย

ถ้าผมคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ได้ไปตลอดทุกวันๆ ผมจะต้องทำทุกวันจนเป็นนิสัย ผมจึงเลือกที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนที่วางกระเป๋าสตางค์และสิ่งของสัพเพเหระเหล่านั้น เพราะผมทำมันอย่างนั้นทุกวันๆ

ความคิดเห็น

Na-pongs Varunyanont กล่าวว่า
ไม่ค่อยต่างกัน!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลเดียวกันหรือเปล่า
เพราะไม่รู้ว่าเกิดอารมณ์แบบนั้นกับตัวเองได้อย่างไร

รู้ตัวอีกที ก็ปล่อยลมหายใจรดความไร้สาระได้เป็นวันๆ

บางทีความตั้งใจมันก็เหมือนทิชชู่ที่กำลังติดอยู่ตรงปลายจมูก ถอนหายใจแรงๆ แค่ทีเดียว มันก็ปลิวหลุดไปเสียแล้ว

จะว่าไปก็เบื่ออีกละ เฮ้อ.......!!
อ้าว! เลยปลิวหลุดไปอีกแล้วสิ...
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
เราก็เป็นเหมือนกัน แต่พยายามบังคับดัวเอง วิธีเรานะ เราจะเขียน สิ่งที่เราต้องทำแล้วก็จุดมุ่งหมายเมื่อเราทำสำเร็จไว้ เป็นแนวแบบจิตวิทยาหน่ะ เวลาตื่นมาทุกเช้ามันก็จะคอยเป็นแรงกระตุ้นผลักดันให้เรา ทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ คืออันนี้เราทำตอนที่จะเอ็นทรานส์ แล้วก็ได้ผลจริงๆ ลองทำดูก็ได้นะ ไม่สงวนลิขสิทธ์จ้า
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
อัพอันใหม่ได้แล้วคร้าบบบบ!

Populars