The Messengers ผู้ส่งสารลูกโซ่


ผมยังคิดว่าหนังจะมีเรื่องราวต่อไปอีกสักครึ่งชั่วโมงแต่แล้วหนังก็จบลง และยังนิยามไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่เป็น The Messengers อย่างชื่อที่ตั้งไว้

ที่ผมคิดอย่างนั้นไม่ใช่ว่าหนังทิ้งปมหรือฉากชวนฉงนให้คิดต่อเหมือนอย่างหนังผีเรื่องอื่นๆ เป็น แต่เพราะว่าหนังจบอย่างง่ายดายและไม่มีฉากชนิดที่ว่านี้อยู่เลย

ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้คาดหวังอะไรจากหนังเรื่องนี้ นอกจากความน่าสะพรึงกลัวของบรรยากาศที่พี่น้องตระกูลแปงค์จะนำมาป้อนให้ แต่ผมก็ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้อยู่ดี ในแง่ของความน่ากลัวหรือสยดสยองนั้นยังทำให้รู้สึกถึงอารมณ์นั้นไม่ได้ ยิ่งเนื้อเรื่องเป็นเรื่องราวของอาถรรพ์บ้านผีสิงธรรมดาๆ ยิ่งทำให้น่าผิดหวังมากขึ้นไปอีก

แต่ถ้าเรามองข้ามเรื่องนั้นไปแล้วหันมาคิดทบทวนเรื่องราวที่หนังต้องการจะสื่อสารว่าคืออะไร ซึ่งสิ่งที่ผมได้จากหนังเรื่องนี้นั้น เป็นสิ่งที่เกินกว่าความคาดคิดว่าจะได้จากหนังผี(ที่ไม่น่ากลัว)เรื่องนี้

ตัวหนังนั้นมีภาพลักษณ์ของหนังผีเคลือบอยู่บางๆ เท่านั้น แต่แท้จริงมีความเป็นหนังชีวิตครอบครัวอยู่มากกว่า หนังกล่าวถึงปัญหาครอบครัว โดยในที่นี้เป็นครอบครัวชาวอเมริกันทั้งที่ใช้ชีวิตในเมืองและชนบท โดยเน้นไปที่ปัญหาภายในครอบครัวมากกว่าปัญหาที่มาจากข้างนอก

ครอบครัวที่เคยอาศัยบ้านนี้มาก่อนเป็นตัวแทนของครอบครัวในชนบทซึ่งมีปัญหาภายในครอบครัวและต้องการแก้ปัญหาโดยการแยกทางของภรรยาซึ่งสามีนั้นไม่ยินยอมจึงทำให้เกิดโศกนาฏกรรมและกลายเป็นวิญญาณอันเคียดแค้นและโศกเศร้าเวียนวนอยู่ภายในบ้านหลังนี้

ครอบครัวที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่นั้นเป็นตัวแทนของครอบครัวในเมืองที่คิดว่าสภาพแวดล้อมในเมืองนั้นเป็นสาเหตุของปัญหาครอบครัว จึงแก้ปัญหาด้วยการย้ายถิ่นที่อยู่ให้ห่างออกจากตัวเมืองมาอยู่กันในชนบทโดยหวังว่า การย้ายมาอยู่ในที่แบบนี้จะทำให้อะไรๆ เปลี่ยนไปและมันจะให้ชีวิตใหม่สำหรับครอบครัว

บทเรียนจากทั้งสองครอบครัวนั้นคือ ไม่มีใครสนใจว่าแท้จริงแล้วต้นตอของปัญหาต่างๆ ในครอบครัวนั้นคืออะไร พวกเขาทั้งสองครอบครัวต่างหาข้ออ้างให้กับตัวเองโดยเฉพาะพวกผู้ใหญ่ ซึ่งหากมองถี่ถ้วนแล้วปัญหาครอบครัวส่วนใหญ่นั้นเกิดจากภายในครอบครัวนั่นเอง

ถ้าจะให้สรุปแล้วปัญหาของครอบครัวนั้นก็มาจากความไม่เข้าใจกัน หรือเข้าใจกันผิดๆ ซึ่งเกิดมาจากการไม่รับฟังซึ่งกันและกันต่างคนต่างมีเหตุผลของตนที่จะพูดจนไม่มีใครฟังใคร อาจดูเหมือนว่าปัญหาน่าจะถูกกำจัดไปได้โดยง่าย แต่ในทางปฏิบัตินั้นไม่ง่าย เด็กเมื่อเติบโตขึ้นจะมีช่องว่างระหว่างพ่อแม่ทุกคน เนื่องจะอยู่ในโลกส่วนตัวมากขึ้น เมื่อมีสังคมที่โรงเรียนก็มักจะอยู่กับเพื่อนๆมากขึ้น มากจนอาจกล่าวแบบติดตลกได้ว่า

"ถ้าอยากรู้จักลูกของตัวเองให้มากขึ้น ก็ต้องทำความรู้จักเพื่อนของลูกให้มากขึ้น" ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มจะเป็นจริงอย่างคำที่ว่านี้ขึ้นทุกทีๆ

ผีในหนังก็เปรียบเหมือนช่องว่างระหว่างพ่อแม่กับลูก ซึ่งช่องว่างนี้หากกว้างขึ้นจะนำพาความไม่เข้าใจจนไปถึงน้ำพาสิ่งเลวร้ายมาสู่ลูกๆ และสุดท้ายอาจทำให้ครอบครัวแตกสลายได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จะเห็นได้จากตอนที่ 'เจส' ลูกสาวคนโตบอกเล่าสิ่งที่ได้เห็นมา ความน่าสยดสยองที่ได้เผชิญ จนกลายเป็นอาการทางกายอย่างเห็นได้ชัด แต่พ่อแม่กลับลงความเห็นว่าเป็นเพียงเรื่องตบตาของเจสเพื่อหวังจะได้กลับไปอยู่ในเมืองเหมือนเดิม

พ่อกับแม่ของเจสจึงตั้งแง่กับเจส แทนที่จะพูดจา รับฟัง และเข้าใจเจส เพราะอย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่เธอในฐานะลูกคนหนึ่งได้แสดงออกมา นี่เป็นสาเหตุหลักของปัญหาครอบครัวที่มีลูกซึ่งอยู่ในวัยกำลังโตเช่นนี้ จนกว่าความจริงเผยออกมาจึงได้ความกระจ่าง

ซึ่งหนังก็ได้เสนอวิธีแก้ปัญหาช่องว่างนี้ไว้ในฉากที่ เจสกำลังถูก 'เบอร์เวลล์' ซึ่งเป็น 'คนนอกครอบครัว' ดึงลงไปในบ่อซึ่งเต็มไปด้วยโคลนตรมสีดำที่มีแต่วิญญาณและความตาย เบอร์เวลล์เป็นคนงานรับจ้างในไร่ที่คลุ้มคลั่งและได้ทราบในภายหลังว่าเขาเกี่ยวพันกับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นที่บ้านหลังนี้ในอดีต

ด้วยแรงของพ่อก็ยังไม่สามารถฉุดเจสขึ้นมาจากหลุมบ่อนั้นได้ ฉับพลันแม่ของเจสก็มาช่วยดึงอีกแรงจึงทำให้เจสหลุดพ้นจากเงื้อมือของ 'คนนอกครอบครัว' ที่กำลังดึงเธอสู่ความหายนะได้สำเร็จ การรับฟังและยอมรับความเป็นไปของลูกจากทั้งพ่อแม่จะช่วยลดปัญหาได้

ส่วน 'เบน' น้องชายของเจสนั้นยังอายุน้อยเกินกว่าจะรับรู้ถึงความกลัวผีอย่างที่เจสได้รับ แต่เมื่อเด็กชายคนนี้เติบโตขึ้นความทรงจำเกี่ยวกับผี หรือในที่นี้ก็คือตัวแทนของสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายที่พ่อแม่ได้กระทำไว้ก็จะส่งผ่านตัวเด็กที่กำลังเรียนรู้และเลียนแบบสิ่งต่างๆ ที่ได้เห็นและสัมผัสจากรอบตัว จนโตเป็นผู้ใหญ่และอย่างไม่ตั้งใจเขาจะส่งต่อสิ่งที่เขามีอยู่นั้นไปยังคนรุ่นต่อไป

แล้วผมก็เกิดความคิดเกี่ยวกับนิยาม The Messengers ขึ้นมาทันใด หนึ่งในนั้นก็มีคุณกับผมรวมอยู่ด้วย

ความคิดเห็น

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า
สวัสดีค่ะเจ้าของบันทึกชื่อ momento..
หนังเรื่องนี้เรายังไม่ได้ดู และยังไม่ได้อ่าน preview ที่ไหนเลย เพิ่งได้มาอ่านจากที่คุณเขียนถึงที่นี่ แต่โดยส่วนตัวเราไม่นิยมดูหนังแนวนี้เท่าไร มันออกดูเป็น horror เกินกว่าจะเป็นแบบ suspect ที่เราพอจะนิยมอยู่บ้าง.. ไม่ว่ากันนะคะ ถ้าหากจะไม่มีความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับ Messenger..

ว่าแล้ว ไม่เห็นคุฯเขียนอะไรใหม่ๆที่ diaryclub.com เลยนะ

Populars